The Growing Mountain of Disused Phones
เคยสงสัยกันไหมว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่เราโยนทิ้งกัน
พวกมันไปอยู่ที่ไหน? เรื่องนี้มีคำตอบค่ะ เพียงเติมคำลงในช่องว่างเพื่อให้ข้อความต่อไปนี้สมบูรณ์เท่านั้น
Do
you know that, last year alone, over 20 million cell phone users in this
country __________ to switch to newer models? (คุณรู้หรือไม่ว่าแค่ลำพังปีที่ผ่านมามีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนกว่า
20 ล้านคนในประเทศนี้
__________ เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่ขึ้น?)
A.
are deciding
B.
have decided
C.
decide
D.
decided
# วิธีเลือก tense ที่เหมาะสม
คือ ดูที่ last year alone ซึ่งบอกเวลาในอดีตที่ผ่านพ้นและจบสิ้นไปแล้ว
คำแบบนี้ต้องใช้คู่กับ past simple ตอบ D. decided
And
what did they do with their old ones, you may ask?
Well nothing - and that means that __________ phones have now been added to the
growing mountain (และพวกเขาจะทำอย่างไรกับโทรศัพท์เครื่องเก่า
คุณอาจสงสัย? อืม ไม่ทำอะไรเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าโทรศัพท์
__________ ก็ถูกนำไปสะสมที่กองภูเขา)
A.
even more
B.
more than
C.
much more
D.
as many as
# ตามความหมายของเรื่องถ้าไม่ได้เอาโทรศัพท์เครื่องเก่าไปทำอะไรก็ต้องหมายความว่ามีโทรศัพท์จำนวนมากขึ้นที่ถูกนำไปทิ้งที่กองขยะ
เราต้องเลือก adjective มาขยาย phones และ more phones ก็เป็นคำที่ถูกต้อง ในที่นี้ข้อ A. มี even แถมมาด้วยก็ไม่เป็นไรเพราะเป็นการเน้นย้ำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
ข้อ B. ข้อ C. และข้อ D. more
than, much more และ as many as เป็นการเปรียบเทียบกับอีกสิ่ง
จึงไม่ใช่คำตอบของข้อนี้แน่นอน ตอบ A. even more
of
disused telephones which is currently estimated at
something like 66 million. So, if you are planning on changing yours sometime
soon, then __________ of simply discarding it, make a gesture for the
environment.
(กองภูเขาโทรศัพท์ถูกทิ้ง ซึ่งคาดคะเนว่ามีจำนวนประมาณ
66 ล้านเครื่อง และถ้าคุณเองก็กำลังมีความคิดจะเปลี่ยนโทรศัพท์อยู่เร็วๆ นี้เหมือนกัน __________ จะทิ้งมันไปเฉยๆ
คุณอาจลองหันมาทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อมดูบ้างก็ดีเหมือนกัน)
A.
as a result
B.
because
C.
in spite
D.
instead
# ในช่องว่างควรเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงความแตกต่าง
หรือเสนอทางเลือกใหม่ ไม่ใช่เป็นเหตุเป็นผลกับข้อความข้างหน้า ข้อ A. และ B. as a result และ because นั้นแสดงความเป็นเหตุเป็นผล จึงตัดทิ้ง ส่วนข้อ C. in
spite = แม้ว่า แสดงถึงว่าไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนั้น (without
being affected by the particular factor mentioned) ก็ไม่ใช่
สุดท้ายข้อ D. instead = แทนที่จะ เหมาะสมที่สุด
เพราะเป็นการเสนอทางเลือกว่าแทนที่จะทิ้ง ลองหันมาทำเพื่อสิ่งแวดล้อมดู ตอบ D. instead
Enclosed
with this issue of your monthly magazine, you will find a postage-paid envelope
that you can use to send your old phone to us. For each phone that our readers
send in, we will receive a donation of £2.50
from RecyclePhone, ___________ is currently the world's leading mobile phone
recycling company. (สิ่งที่แนบมากับนิตยสารรายเดือนฉบับนี้เป็นซองพร้อมแสตมป์ที่คุณสามารถใช้ส่งโทรศัพท์เครื่องเก่ามาให้เราได้เลย
สำหรับโทรศัพท์แต่ละเครื่องที่ผู้อ่านของเราส่งมานั้น เราจะได้รับเป็นเงินบริจาคจำนวน
£2.50 จาก RecyclePhone ___________
ตอนนี้เป็นบริษัทชั้นนำของโลกในเรื่องการรีไซเคิล)
A.
that
B.
what
C.
whose
D.
which
This money will be used to help us to finance our 'Be Green Aware'
campaign, which we will be launching nationwide in July. (เงินจำนวนนี้เราจะนำไปใช้สนับสนุนโครงการ
'Be Green Aware' ซึ่งเรากำลังจะเปิดตัวทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม)
Don't miss this opportunity to make your contribution to
intelligent recycling.
(อย่าพลาดโอกาสร่วมสมทบรีไซเคิลฉลาดๆ แบบนี้กันนะจ๊ะ)
# สังเกตว่า RecyclePhone, ___________ is currently the
world's leading mobile phone recycling company. ในตำแหน่งที่ขีดเส้นเราต้องการคำที่มาขึ้นต้นอนุประโยคขยายเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับ RecyclePhone
อย่างแรกตัด what กับ whose ทิ้งไปก่อนเลยเพราะความหมายไม่ใช่ แล้วจึงมาพิจารณา that กับ which ซึ่งข้อแตกต่างเพียงเท่าขี้ตามดของ 2 คำนี้
คือ that ไม่เหมาะกับใช้แนะนำให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในขณะที่ which เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ตอบ D. which
ตัวอย่างเพิ่มเติม The books, which have green covers, are old. ท่อน which นี้เราใช้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมขยายคำว่าหนังสือว่าหนังสือเล่มที่มีปกสีเขียวนะที่เป็นของเก่า (ย้ำว่า
หนังสือ เฉพาะเล่มที่มีปกสีเขียว เท่านั้น) ส่วน The books that have green
covers are old. เราบอกแค่ว่าพวกเล่มปกเขียวเป็นหนังสือเก่า
พอจะเห็นภาพความแตกต่างขนาดเท่าขี้ตามดกันไหมเอ่ย
0 comments:
Post a Comment